แนวประมวลกฎหมายอาญา
1. ข้อใดต่อไปนี้ มิใช่ สภาพบังคับของกฎหมายอาญา
ก. จำคุก ข. กักขัง
ค. ฉีดยาให้ตาย ง. ควบคุมตัว
ตอบ ง. สภาพบังคับในทางกฎหมายอาญา คือ โทษ ซึ่งโทษทางอาญาจะเรียงตามลำดับหนัก เบา ได้แก่
1) ประหารชีวิต (ปัจจุบันใช้วิธีฉีดยาให้ตาย) 2) จำคุก
3) กักขัง 4) ปรับ
5) ริบทรัพย์สิน
ส่วนสภาพบังคับในทางแพ่ง ได้แก่ การบังคับให้ชำระหนี้และชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
2. การพยายามกระทำความผิดซึ่งไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ ตามกฎหมายอาญานั้นผู้กระทำ
ก. ไม่มีความผิด
ข. มีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ
ค. มีความผิดลงโทษหนึ่งในสามของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้
ง. มีความผิดลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้
ตอบ ง. การกระทำที่เป็นการพยายามกระทำผิด ซึ่งไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้นั้น ผู้พยายามกระทำความผิด ถือว่ามีความผิดและต้องรับโทษ แต่ให้ศาลลงโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
3. บิดาดื่มสุราเมาแล้วทำร้ายบุตรได้รับบาดเจ็บ ดังนี้
ก. บิดาไม่มีความผิด
ข. บิดามีความผิดแต่ได้รับการลดโทษเพราะความเมา
ค. บิดามีความผิดต้องรับโทษ
ง. บิดามีความผิดแต่ยอมความได้
ตอบ ค. เฉพาะความผิดฐานลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ฉ้อโกง โกงเจ้าหนี้ ยักยอกทรัพย์ รับของโจร ทำให้เสียทรัพย์และบุกรุกเท่านั้น ถ้าเป็นการกระทำที่สามีกระทำต่อภรรยา หรือถ้าภรรยากระทำต่อสามี ผู้กระทำมีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ หรือถ้าเป็นการกระทำระหว่างผู้บุพการีกระทำต่อผู้สืบสันดาน หรือผู้สืบสันดานกระทำต่อบุพการี ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ และให้ถือว่าเป็นความผิดอันยอมความกันได้
4. นายหนึ่งจ้างนายดำไปฆ่านายขาว นายดำตกลงแต่ยังไม่ได้ฆ่านายขาว นายดำป่วยตายเสียก่อน ดังนั้นนายหนึ่ง
ก. ไม่มีความผิดเพราะนายดำตายก่อน ข. มีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ
ค. มีความผิดเป็นผู้ใช้รับโทษ 1 ใน 3 ง. มีความผิดรับโทษ 1 ใน 2
ตอบ ค. ความผิดฐานผู้ใช้นั้น ถ้าความผิดที่ถูกใช้มิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำ หรือเพราะเหตุอื่น ผู้ใช้ต้องระวางโทษ 1 ใน 3 ส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ถ้าความผิดที่ถูกใช้ได้กระทำลง ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ
5. ความผิดอาญาประเภทใดที่เป็นความผิดยอมความได้
ก. ความผิดเล็กๆ น้อยๆ ข. ความผิดลหุโทษ
ค. ความผิดต่อส่วนตัว ง. ความผิดต่อแผ่นดิน
ตอบ ค. ความผิดทางอาญา ส่วนใหญ่ไม่อาจยอมความได้ เว้นแต่ความผิดต่อส่วนตัวหรือที่กฎหมายได้บัญญัติว่า ให้เป็นความผิดอันยอมความได้ เช่น ความผิดฐานหมื่นประมาท เป็นต้น
6. นายดำกับนายขาวตกลงจะไปฆ่านายเชิด โดยให้นายขาวเป็นคนเคาะประตูเรียกนายเชิด เมื่อนายเชิดเปิดประตูแล้วนายดำยิงนายเชิดตาย ดังนี้ นายขาวต้องรับผิดในความผิดที่นายดำฆ่านายเชิด
ก. เป็นผู้สนับสนุน ข. เป็นตัวการ
ค. เป็นผู้ใช้ ง. ไม่มีความผิดเพราะไม่ได้เป็นคนยิง
ตอบ ข. ความผิดที่เกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ผู้ที่ร่วมกระทำผิดด้วยกันเป็นตัวการ และต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
7. ข้อใด ถูกต้อง ที่สุด
ก. บุตรลักทรัพย์บิดาไม่มีความผิด ข. บิดาลักทรัพย์บุตรไม่มีความผิด
ค. บุตรลักทรัพย์บิดามีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ ง. บิดาลักทรัพย์บุตรมีความผิดแต่ยอมความได้
ตอบ ง. ดูคำอธิบายข้อ 3. ประกอบ
8. นายดำใช้ปืนยิงใส่ในรถยนต์โดยสารที่มีผู้โดยสารอยู่หนาแน่น กระสุนปืนถูกนายขาวน้องชายนายดำที่อยู่ในรถยนต์ โดยที่นายดำไม่รู้ถึงแก่ความตาย ดังนี้ นายดำมีความผิด
ก. ประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ข. ฆ่าคนตายโดยเจตนาย่อมเล็งเห็นผล
ค. ทำให้คนตายโดยอุบัติเหตุ ง. ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
ตอบ ข. การกระทำของนายดำเป็นการกระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำ แม้นายดำจะไม่ประสงค์ต่อผลของการ กระทำ แต่นายดำย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า กระสุนปืนจะต้องถูกคนที่อยู่ในรถยนต์ตายได้ จึงถือว่านายดำมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาย่อมเล็งเห็นผล
9. สุนัขตัวโตของนายดำไม่ผูกไว้ให้ดี หลุดออกมาที่ทางเดินสาธารณะ สุนัขตรงเข้ากัดเด็กหญิงตุ๊กตา นายกล้าจึงใช้ไม้ตีสุนัขตาย ดังนี้นายกล้า
ก. ทะเบียนสำมะโนครัว
ข. ทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท
ค. พจนานุกรม
ง. ถูกหมดทุกข้อ
ตอบ ข. การที่สุนัขของนายดำหลุดออกมากัด ด.ญ.ตุ๊กตา ถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาทของนายดำ เพราะไม่ได้มีความระมัดระวังดูแลสุนัขให้ดี ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และการที่นายกล้าได้ใช้ไม้ตีสุนัขตาย เพื่อป้องกันมิให้สุนัขกัด ด.ญ ตุ๊กตาถือว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของผู้อื่นให้พ้นจากอันตรายที่ใกล้จะถึงและได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ ดังนั้นการกระทำของนายกล้าจึงไม่เป็นความผิด เพราะเป็นการกระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
10. กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ได้เมื่อใด
ก. พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย ข. ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
ค. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ง. นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ พระมหากษัตริย์
ตอบ ค. กฎหมายจะมีผลบังคับใช้กับประชาชนได้ก็ต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและเมื่อได้ทำประกาศฯ แล้ว ให้ถือว่าประชาชนได้ทราบถึงความมีอยู่ของกฎหมายนั้นแล้ว จะอ้างความไม่รู้กฎหมายมาเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้
11. นายฟ้าคิดและตกลงใจที่จะเผาบ้านนายชมพู นายฟ้าจึงได้ตระเตรียมการโดยหาซื้อเชื้อเพลิงและไปแอบซุ่มที่หน้าบ้านนายชมพู พอดีตำรวจพบเห็นเสียก่อนจึงถูกจับกุมตัวไปสถานีตำรวจ ดังนี้การกระทำของนายฟ้าเป็นความผิดและถูกลงโทษหรือไม่
ก. ไม่ เพราะการกระทำของนายฟ้ายังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำ
ข. ไม่ เพราะการกระทำของนายฟ้ายังไม่เป็นความผิดสำเร็จ
ค. ต้องรับผิดเพราะกฎหมายบัญญัติไว้ แม้จะเป็นการกระทำเพียงขั้นตระเตรียมการก็ตาม
ง. ต้องรับผิดฐานพยายาม เพราะกระทำของนายฟ้าถึงขั้นลงมือกระทำผิดแล้ว
ตอบ ค. การตระเตรียมที่จะกระทำผิด โดยหลักกฎหมายมิได้บัญญัติไว้ว่าเป็นความผิด เว้นแต่การตระเตรียม ที่จะกระทำความผิดบางประเภทที่กฎหมายถือเป็นความผิดและต้องรับโทษ เช่น ความผิดฐานปลงพระชนม์หรือ ประทุษร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี พระราชินี หรือรัชทายาท หรือความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น เป็นต้น
12. ข้อใดเป็นโทษตามกฎหมายอาญา
ก. อายัดทรัพย์สิน ข. ปรับ
ค. ค่าสินไหมทดแทน ง. ยึดทรัพย์สิน
ตอบ ข. สภาพบังคับในทางกฎหมายอาญา คือ โทษ ซึ่งโทษทางอาญาจะเรียงตามลำดับหนัก เบา ได้แก่ 1) ประหาร (ปัจจุบันใช้วิธีฉีดยาให้ตาย) 2) จำคุก 3) กักขัง 4) ปรับ และ 5) ริบทรัพย์ ส่วนสภาพบังคับทางแพ่ง ได้แก่ การบังคับให้ชำระหนี้และชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
13. หลักการตีความกฎหมายทางอาญา
ก. ตีความตามเจตนารมณ์ ข. ตีความตามตัวอักษรและเจตนารมณ์
ค. ตีคามตามตัวอักษรโดยเคร่งครัด ง. ตีความย้อนหลังลงโทษได้
ตอบ ค. หลักเกณฑ์การตีความกฎหมายอาญา
1. ต้องตีความตามตัวอักษรโดยเคร่งครัด
2. จะตีความโดยขยายความให้เป็นการลงโทษหรือเพิ่มโทษแก่ผู้กระทำให้หนักขึ้นไม่ได้
3. ในกรณีเป็นที่สงสัย ศาลต้องตีความให้เป็นผลดีแก่ผู้ต้องหาว่าไม่ได้กระทำความผิด
14. การตีความกฎหมายอาญา ถ้ากรณีถ้อยคำของตัวบทเป็นที่สงสัย
ก. ศาลจะต้องมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้กระทำผิด ข. ศาลจะต้องตีความให้เป็นผลดีแก่ผู้ต้องหา
ค. ศาลอาจตีความให้เป็นการลงโทษก็ได้ ง. ศาลอาจตีความให้เป็นเพิ่มโทษก็ได้
ตอบ ข. ในการตีความกฎหมายอาญานั้น ในกรณีเป็นที่สงสัย ศาลต้องตีความให้เป็นผลดีแก่จำเลยว่าไม่ได้กระทำความผิด จะตีความให้เป็นการลงโทษหรือเพิ่มโทษแก่จำเลยไม่ได้
15. การกระทำของเด็กอายุเท่าใดที่กฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด แต่จะลงโทษอาญาแก่เด็กนั้นไม่ได้ ให้ใช้วิธีการสำหรับเด็กแทน
ก. เด็กอายุไม่เกิน 7 ปี ข. เด็กอายุกว่า 10 ปี แต่ยังไม่เกิน 15 ปี
ค. เด็กอายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 17 ปี ง. เด็กอายุกว่า 17 ปี แต่ยังไม่เกิน 20 ปี
ตอบ ข. เด็กอายุยังไม่เกิน 10 ปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 73) แต่ถ้าเด็กนั้นมีอายุเกินกว่า 10 ปี แต่ไม่เกิน 15 ปี เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ศาลมีอำนาจหน้าที่จะดำเนินการใช้วิธีการสำหรับเด็กได้ (มาตรา 74)
16. การทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บในการแข่งขันการชกมวยตามกติกา แต่ไม่มีการฟ้องร้องว่าเป็นความผิด เพราะ
ก. คู่แข่งยินดีให้ทำร้ายร่างกายกัน ข. การชกมวยเป็นกีฬาที่ยอมรับในสังคม
ค. ไม่มีบทกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิด ง. เป็นจารีตประเพณีที่ยอมรับกันทั่วไปให้ทำโดยชอบ
ตอบ ง. โดยปกติแล้วการทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บนั้นไม่มีกฎหมายใดๆ อนุญาตให้ทำกันได้ แต่กรณีการแข่งขันการชกมวยตามกติกานั้นถือว่าสามารถกระทำได้และไม่มีความผิด ทั้งนี้เพราะเป็นจารีตประเพณีที่ได้ปฏิบัติกันมาช้านานแล้ว
17. ข้อใด มิใช่ กฎหมายอาญา
ก. ประมวลกฎหมายที่ดิน ข. พระราชบัญญัติการพนัน
ค. พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ง. พระราชบัญญัติป่าไม้
ตอบ ก. กฎหมายอาญา หมายถึง กฎหมายทุกอย่างที่มีโทษทางอาญา แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1) พ.ร.บ.ต่างๆ ที่มีโทษทางอาญา เช่น พระราชบัญญัติป่าไม้ฯ , พระราชบัญญัติการพนัน เป็นต้น
2) ประมวลกฎหมายอาญา
18. นางสุดสวยซื้อรถยนต์ใหม่มาคันหนึ่งด้วยเงินสด แต่รถยนต์คันดังกล่าวเครื่องยนต์ขัดข้องอยู่บ่อยๆ นางสุดสวยจึงขอเปลี่ยนคันใหม่ แต่ทางบริษัทที่ขายรถยนต์ไม่ยอมให้เปลี่ยน นางสุดสวยโมโหจึงใช้ค้อนทุบรถยนต์คันดังกล่าว ดังนั้น
ก. นางสุดสวยมีความผิดทางอาญาแต่ไม่ต้องรับโทษ
ข. นางสุดสวยไม่มีความผิดทางอาญา
ค. นางสุดสวยมีความผิดแต่ได้รับการลดโทษเพราะทำด้วยความโมโห
ง. นางสุดสวยมีความผิดฐานทำลายทรัพย์
ตอบ ข. ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 จะต้องเป็นการทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ดังนั้นการทำให้เสียทรัพย์ของตนเองจึงไม่มีความผิด
19. โดยหลักกฎหมายอาญาแล้ว การตระเตรียมกระทำความผิด ถือว่า
ก. ยังไม่เป็นความผิด
ข. เป็นความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ
ค. เป็นความผิด รับโทษเพียง 1 ใน 3 ของความผิดสำเร็จ
ง. เป็นความผิด รับโทษ 2 ใน 3 ของความผิดสำเร็จ
ตอบ ก. การตระเตรียมที่จะกระทำความผิด โดยหลักกฎหมายมิได้บัญญัติไว้ว่าเป็นความผิด เว้นการตระเตรียมที่จะกระทำความผิดบางประเภทที่กฎหมายถือว่าเป็นความผิดและต้องรับโทษ เช่น ความผิดฐานปลงพระชนม์หรือประทุษร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท หรือความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น เป็นต้น
20. ตามหลักกฎหมายอาญาหากไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งว่าการกระทำใดเป็นความผิด
ก. ต้องวินิจฉัยโดยใช้จารีตประเพณี ข. ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยบทกฎหมายใกล้เคียงอย่างยิ่ง
ค. ไม่ต้องวินิจฉัยเพราะไม่มีความผิดเกิดขึ้น ง. ถูกทั้งข้อ ก. และ ข.
ตอบ ค. กฎหมายอาญาต้องตีความโดยเคร่งครัด ถ้าไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งว่าการกระทำใดเป็น ความผิด ย่อมไม่มีความผิด และไม่มีโทษ (อีกทั้งไม่อาจนำวิธีการอุดช่องว่างตามกฎหมายแพ่งมาใช้บังคับในคดีอาญาได้)
21. ถ้าศาลเชื่อหรือรับฟังพยานหลักฐานว่าการี่ผู้กระทำผิดอ้างว่าตนเองไม่รู้กฎหมาย เพื่อให้ตนเองพ้นจากความรับผิดอาญานั้นเป็นความจริง ดังนี้ศาลจะ
ก. ศาลจะยกเว้นโทษให้ ข. ศาลจะลดโทษให้น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดก็ได้
ค. ศาลจะต้องลดโทษให้ ง. ศาลจะไม่ลงโทษตามที่กฎหมายกำหนดก็ได้
ตอบ ข. โดยปกติบุคคลจะแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายเพื่อให้พ้นจากความรับผิดทางอาญาไม่ได้ แต่ถ้าศาลเห็นว่าตามสภาพและพฤติการณ์ ผู้กระทำความผิดอาจจะไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด ศาลอาจอนุญาตให้แสดงพยานหลักฐานต่อศาล และถ้าศาลเชื่อว่าผู้กระทำไม่ว่ารู้กฎหมายบัญญัติไว้เช่นนั้น ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 64)
22. บุคคลอายุเกินกว่ากี่ปี ที่ดำรงชีพจากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณีจะมีความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมายอาญา
ก. อายุเกินกว่า 14 ปี ข. อายุเกินกว่า 16 ปี
ค. อายุเกินกว่า 18 ปี ง. อายุเกินกว่า 20 ปี
ตอบ ข. ผู้ใดอายุกว่า 16 ปี ดำรงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณีต้องระวางโทษ (มาตรา 286 แก้ไขใหม่)
23. นางกมลกับนายอดุลย์เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ต่อมานางกมลไม่ยินยอมให้นายอดุลย์ร่วมเพศด้วย นายอดุลย์จึงข่มขืนกระทำชำเรานางกมล ถามว่านายอดุลย์มีความผิดหรือไม่อย่างไร
ก. ไม่ผิด เพราะทั้งสองคนเป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย
ข. ผิด แต่นายอดุลย์ไม่ต้องรับโทษ
ค. ผิด ต้องรับโทษ แต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ก็ได้
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. การข่มขืนกระทำชำเราที่เป็นการกระทำความผิดระหว่างคู่สมรส และคู่สมรสนั้นยังประสงค์จะอยู่กินกันฉันสามีภรรยา ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติแทนการลงโทษก็ได้
24. หญิงอายุ 21 ปี ข่มขืนกระทำชำเราชายอายุ 18 ปี มีความผิดหรือไม่อย่างไร
ก. ไม่ผิด เพราะหญิงข่มขืนชายไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ว่าเป็นความผิด
ข. ผิด เพราะไม่ว่าหญิงหรือชายสามารถกระทำความผิดกระทำชำเราได้
ค. ไม่ผิด เพราะชายอายุเกิน 15 ปีแล้ว
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ข. ผู้ใดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้องระวางโทษ (มาตรา 276 วรรคแรก แก้ไขใหม่)
25. สามีทำร้ายภรรยาได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนี้
ก. สามีไม่มีความผิด ข. สามีมีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ
ค. สามีมีความผิดต้องรับโทษ ง. สามีมีความผิดแต่ยอมความได้
ตอบ ค. หลักเกณฑ์การตีความกฎหมายอาญา
1. ต้องตีความตามตัวอักษรโดยเคร่งครัด
2. จะตีความโดยขยายความให้เป็นการลงโทษหรือเพิ่มโทษแก่ผู้กระทำให้หนักขึ้นไม่ได้
3. ในกรณีเป็นที่สงสัย ศาลต้องตีความให้เป็นผลดีแก่ผู้ต้องหาว่าไม่ได้กระทำความผิด
26. การกระทำชำเรา ตามกฎหมายอาญาที่แก้ไขใหม่ หมายความว่าอย่างไร
ก. การใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำ กับอวัยวะเพศของผู้อื่น
ข. การใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำ กับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น
ค. การใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้อื่น
ง. ถูกหมดทุกข้อ
ตอบ ง. การกระทำชำเรา หมายความว่า การกระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำโดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำ กับอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น หรือการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศหรือทวารหนักผู้อื่น
27. ความผิดซึ่งผู้กระทำได้กระทำในขณะที่มีอายุต่ำกว่ากี่ปี มิให้ ถือว่าเป็นความผิดที่จะนำมาพิจารณากักกันได้
ก. 14 ปี ข. 15 ปี
ค. 16 ปี ง. 18 ปี
ตอบ ง. ความผิดซึ่งผู้กระทำได้กระทำในขณะที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีนั้น มิให้ถือว่าเป็นความผิดที่จะนำมาพิจารณากักกันได้
28. เด็กหญิงก้อย อายุ 9 ปี 11 เดือน กระทำความผิด ข้อใดกล่าว ถูกต้อง
ก. ไม่ถือว่าเป็นความผิด ข. ไม่ต้องรับโทษ
ค. ต้องรับโทษกึ่งหนึ่ง ง. รับโทษ 1 ใน 3
ตอบ ก. เด็กอายุยังไม่เกิน 10 ปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดเด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ
(มาตรา 73)
29. เด็กชายบอย อายุ 14 ปี กระทำความผิดข้อใดกล่าว ถูกต้อง
ก. ไม่ถือว่าเป็นความผิด ข. ไม่ต้องรับโทษ แต่ศาลอาจใช้วิธีการสำหรับเด็กได้
ค. ต้องรับโทษกึ่งหนึ่ง ง. รับโทษ 1 ใน 3
ตอบ ข. เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี แต่ยังไม่เกิน 15 ปี กระทำการอันกฎหายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ศาลมีอำนาจใช้วิธีการสำหรับเด็กได้
30. การส่งเด็กที่กระทำความผิดไปยังสถานฝึกและอบรม จะต้องไม่เกินกว่าเด็กอายุครบกี่ปี
ก. 18 ปี ข. 20 ปี
ค. 24 ปี ง. 25 ปี
ตอบ ก. การส่งเด็กที่กระทำความผิดไปยังโรงเรียน หรือสถานฝึกและอบรม หรือสถานที่ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อฝึกและอบรม ตลอดระยะเวลาที่ศาลกำหนด แต่อย่าให้เกินกว่าเด็กนั้น จะมีอายุครบ 18 ปี (มาตรา 74 (15))
31. นายลอยเดินชมงานแสดงเครื่องแก้วเจียรนัย ไม่ระมัดระวังทำให้ชนเครื่องแก้วหล่นมาแตกเสียหาย นายลอยจะต้องรับผิดทางอาญาอย่างไร
ก. เจตนาทำลายทรัพย์ ข. ประมาททำให้ทรัพย์ผู้อื่นเสียหาย
ค. ทำลายทรัพย์โดยไม่เจตนา ง. ไม่มีความผิดทางอาญา แต่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย
ตอบ ง. ความผิดฐานกระทำโดยประมาทนั้น จะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อการกระทำนั้นมีกฎหมายบัญญัติไว้ เป็นความผิดด้วย (ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์จะมีได้เฉพาะเมื่อได้กระทำโดยเจตนาเท่านั้น)
32. การที่นายเขียวใช้ปืนขู่บังคับให้นายแดงขับรถเร็วเพื่อหลบหนีเจ้าพนักงานตำรวจ ทำให้นายแดงขับรถชนนายดำซึ่งกำลังข้ามถนนได้รับบาดเจ็บ ดังนี้ นายแดงมี “การกระทำ” หรือไม่
ก. ไม่มีเพราะกระทำตามที่ถูกบังคับ ไม่ใช่เจตนาของตน
ข. มี เพราะมีการคิด ตัดสินใจ และตกลงกระทำตามที่ได้ตัดสินใจ
ค. ไม่มี เพราะการเคลื่อนไหวไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของจิตใจ
ง. มี เพราะมีผลเสียหายเกิดขึ้นกับนายดำ เนื่องจากนายแดงขับรถชน
ตอบ ข. กรณีดังกล่าวถือว่านายแดงมีการกระทำ เพราะนายแดงได้มีการเคลื่อนไหวร่างกายโดยรู้สำนึก หรือ อยู่ในอำนาจของจิตใจ เพียงแต่นายแดงอาจจะไม่ต้องรับโทษเนื่องจากเป็นการกระทำด้วยความจำเป็น เพราะอยู่ในบังคับหรือภายใต้อำนาจที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้
33. ข้อใดเป็นอาวุธโดยสภาพ
ก. กระบอง ข. มีดบังตอ
ค. เหล็กขูดชาร์ป ง. มีดโต้ยาว
คำตอบ ก. อาวุธโดยสภาพ หมายถึง สิ่งซึ่งโดยสภาพแล้วใช้ทำให้เป็นอันตรายแก่ร่างกายบาดเจ็บสาหัสหรือถึงตายโดยตรง เช่น ปืน หอก แหลน หลาว มีด และกระบอง เป็นต้น
34. สภาพบังคับของกฎหมายแพ่ง ได้แก่
ก. การได้รับการตำหนิจากสังคม ข. การตกนรก
ค. การได้รับการลงโทษจากพระเจ้า ง. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
ตอบ ง. สภาพบังคับในทางอาญา คือ โทษ ซึ่งเรียงจากโทษหนักที่สุดไปถึงเบาที่สุด ได้แก่ ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ และริบทรัพย์สิน ส่วนสภาพบังคับในทางแพ่ง ได้แก่ การบังคับให้ชำระหนี้ และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อกัน
35. ข้อใด ถูกต้อง เกี่ยวกับจารีตประเพณี
ก. จารีตประเพณีกำหนดความประพฤติภายนอกและภายในของมนุษย์
ข. จารีตประเพณีไม่มีสภาพบังคับใดๆ เลย
ค. จารีตประเพณีได้แก่กฎหมายประเพณี
ง. จารีตประเพณีกำหนดความประพฤติของบุคคลเพียงบางกลุ่ม
ตอบ ง. จารีตประเพณี คือสิ่งที่มนุษย์ปฏิบัติต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาช้านาน กำหนดความประพฤติภายนอกของมนุษย์ และเป็นข้อบังคับของชนชั้นใดชั้นหนึ่ง หรืออาชีพใดอาชีพหนึ่งเท่านั้น
36. ข้อใดกล่าว ถูกต้อง ในการเรียงอัตราโทษตามประมวลกฎหมายอาญาจากสูงสุดไปเบาสุด
ก. จำคุก ปรับ ริบทรัพย์สิน ข. กักขัง ริบทรัพย์สิน ปรับ
ค. ริบทรัพย์สิน กักขัง ปรับ ง. ปรับ ริบทรัพย์ กักขัง
ตอบ ก. สภาพบังคับในทางอาญา คือ โทษ ซึ่งเรียงจากโทษหนักที่สุดไปถึงเบาที่สุด ได้แก่ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ และริบทรัพย์สิน ส่วนสภาพบังคับในทางแพ่ง ได้แก่ การบังคับให้ชำระหนี้ และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อกัน
37. ข้อใด ไม่เป็น ซ่องโจร
ก. จำเลย 6 คน ประชุมร่วมกันเพื่อจะปล้น แต่ก่อนจะไปปล้นเกิดกลับใจไม่ปล้น
ข. จำเลย 5 คน ประชุมร่วมกันเพื่อจะปล้น โดย 1 ใน 5 เป็นเด็กอายุ 7 ปี
ค. จำเลย 5 คน ประชุมร่วมกันเพื่อวางเพลิงเผาทรัพย์ แต่ 2 ใน 5 คนไม่เห็นด้วย
ง. จำเลย 5 คน ประชุมร่วมกันเพื่อฉ้อโกงค่าอาหาร จำนวน 300 บาท
ตอบ ค. มาตรา 210 ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับถ้าเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิด ที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่
10 ปีขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปีถึง 10 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000 บาทถึง 20,000 บาท
การสมคบกันที่จะเป็นความผิดฐานซ่องโจรนั้น จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ที่สำคัญ 2 ประการคือ
1) จะต้องมีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกัน และ
2) จะต้องมีการตกลงร่วมกันว่าจะกระทำความผิด
หลักเกณฑ์ทั้ง 2 ประการดังกล่าวจะขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ เพราะถ้าขาดหลักเกณฑ์อย่างหนึ่งอย่างใดไป ย่อมไม่ถือว่าเป็นการสมคบกัน
38. “ทางสาธารณะ” หมายถึงข้อใด
ก. ทางบกหรือทางน้ำสำหรับประชาชนใช้สัญจร ข. ถนนส่วนบุคคล
ค. คลองส่งน้ำ ง. สนามหลวง
ตอบ ก. ทางสาธารณะ หมายถึง ทางบกหรือทางน้ำสำหรับประชาชนใช้สัญจร
39. คำว่า “โดยทุจริต” หมายความว่าอย่างไร
ก. แสวงหาประโยชน์ที่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
ข. แสวงหาประโยชน์ที่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ค. แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
ง. แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
ตอบ ค. “โดยทุจริต” หมายความว่า เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น
40. ข้อใด “มิใช่” เอกสารราชการ
ก. เอกสารที่เจ้าพนักงานได้ทำขึ้นในหน้าที่
ข. สำเนาเอกสารที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่
ค. เอกสารที่เจ้าพนักงานไม่ได้ทำขึ้นแต่ได้รับรองในหน้าที่
ง. เอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อเปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ
ตอบ ง. “เอกสารราชการ” หมายความว่า เอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ และให้ความหมายรวมถึงสำเนาเอกสารนั้นๆ ที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ด้วย ส่วนข้อ
ง. หมายถึงเอกสารสิทธิ
41. ข้อใดเป็น “สาธารณสถาน”
ก. สถานที่ใดๆ ซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้
ข. ที่นามีเจ้าของแต่ปล่อยให้คนอื่นเดินผ่านไปผ่านมา
ค. ภัตตาคารที่ปิดแล้ว
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. “สาธารณสถาน” หมายความว่า สถานที่ใดๆ ซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้
42. คำว่า “เคหสถาน” หมายถึงข้อใด
ก. เรือ ข. แพ
ค. บริเวณที่ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย ง. เรือนที่สร้างใหม่แต่ยังไม่เข้าอยู่อาศัย
ตอบ ค. “เคหสถาน” หมายความว่า ที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัย เช่น เรือน โรง เรือ หรือแพ ซึ่งคนอยู่อาศัยและให้ความหมายรวมถึงบริเวณของที่ซึ่งใช้เป็นที่อยู่อาศัยนั้นด้วย จะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม
43. คำว่า “เอกสาร” หมายถึงข้อใด
ก. กระดาษ ข. หนังสือราชการที่ถูกเผาไฟ
ค. แท่นเครื่องยนต์มีหมายเลขเครื่อง ง. วัตถุต่างๆ ที่ทำให้เกิดรูปรอยได้
ตอบ ค. ความหมายของ “เอกสาร” จะต้องประกอบด้วยหลักเกณฑ์ 4 ประการ ดังนี้
1) ต้องเป็นกระดาษหรือวัตถุอื่น
2) ทำให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษรพับหรือแบบแปลนอย่างอื่น
3) ด้วยวิธีพิมพ์ หรือถ่ายภาพ หรือวิธีอื่น
4) เป็นหลักฐานแห่งความหมายนั้น
44. “ความผิดธรรมดา” มีความหมายตามข้อใด
ก. ความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว ข. ความผิดที่มีโทษสูงกว่าความผิดลหุโทษ
ค. ความผิดที่มีโทษเท่ากับความผิดลหุโทษ ง. ความผิดที่มีโทษต่อกว่าความผิดลหุโทษ
ตอบ ข. ความผิดธรรมดา คือ ความผิดที่มีโทษสูงกว่าความผิดลหุโทษ
45. “กลางคืน” หมายถึงข้อใด
ก. เวลา 18.00 น. เดือนมีนาคม ข. เวลาจวนพลบค่ำยังไม่มืด
ค. ตะวันตกดินแล้วยังไม่มืด ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค. “กลางคืน” หมายความว่า เวลาระหว่างพระอาทิตย์ตกและอาทิตย์ขึ้น
46. ความผิดใดแม้ไม่มีเจตนาก็เป็นความผิด
ก. ความผิดอันยอมความได้ ข. ความผิดอาญาแผ่นดิน
ค. ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ง. ความผิดที่กระทำโดยประมาท
ตอบ ง. กระทำโดยประมาท ได้แก่ กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนี้จักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่
กฎหมายได้บัญญัติว่า แม้กระทำโดยประมาทก็ให้มีโทษนั้น มีบทมาตราตามประมวลกฎหมายอาญาดังต่อไปนี้
มาตรา 205 เจ้าพนักงานทำให้ผู้อื่นที่อยู่ในระหว่างคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขังไปโดยประมาท
มาตรา 225 ทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท
มาตรา 239 กระทำดังกล่าวในมาตรา 226 ถึงมาตรา 237 โดยประมาท
มาตรา 291 กระทำโดยประมาทให้เขาถึงตาย
มาตรา 300 กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
มาตรา 311 ผู้ให้ผู้อื่นถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังโดยประมาท
มาตรา 390 กระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
47. ข้อใด เป็น เอกสารสิทธิ
ก. ส.ค.1 ข. ใบแต่งทนายความ
ค. ทะเบียนสมรส ง. คำร้อง
ตอบ ก. “เอกสารสิทธิ” หมายความว่า เอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ
สำหรับใบแต่งทนายความกับคำร้องเป็นเอกสารธรรมดา ส่วนทะเบียนสมรสจัดเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ
48. ข้อใด “ไม่ใช่” การใช้กำลังประทุษร้าย
ก. การใช้ยารม ข. สะกดจิต
ค. ทำให้กลัว ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ค. “ใช้กำลังประทุษร้าย” หมายความว่า ทำการประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของบุคคลไม่ว่าจะทำด้วยใช้แรงกายภาพ หรือด้วยวิธีอื่นใด และให้ความหมายรวมถึงการกระทำใดๆ ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ไม่ว่าจะโดยใช้ยาทำให้มึนเมา สะกดจิต หรือใช้วิธีอื่นใดอันคล้ายคลึงกัน
49. ข้อใด มิใช่ เหตุส่วนตัว
ก. บันดาลโทสะ ข. วิกลจริต
ค. การเป็นสามีภรรยา ง. กระทำผิดในเวลากลางคืน
ตอบ ง. เหตุส่วนตัว หมายถึง เหตุแห่งข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องเฉพาะตัวของผู้กระทำผิดแต่ละคน อันมีผลเป็นการยกเว้นโทษ ลดโทษ หรือเพิ่มโทษแก่ผู้กระทำความผิดของแต่ละคนนั้น
50. “เจตนาพิเศษ” คืออะไร
ก. เจตนาและมูลเหตุประกอบกัน
ข. เจตนาชั่วร้าย
ค. เจตนาที่ประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำ
ง. ความตั้งใจในการกระทำความผิด
ตอบ ก. เจตนาพิเศษ หมายถึง เจตนาและมูลเหตุจูงใจประกอบกัน
51. “อุบัติเหตุ” คืออะไร
ก. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรืออุบัติขึ้นในกรณีต่างๆ
ข. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ
ค. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยขาดความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์
ง. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยมิได้เจตนาหรือประมาท
ตอบ ง. อุบัติเหตุ คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยมิได้เจตนาหรือประมาท
52. เหตุในลักษณะคดีมีความหมายตามข้อใด
ก. เหตุที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือฐานะส่วนตัวของผู้กระทำความผิด
ข. เหตุที่ไม่ได้เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือฐานะส่วนตัวของผู้กระทำความผิด แต่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
ค. เหตุที่ศาลพิจารณาเป็นคดีๆ ไป
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ข. เหตุลักษณะคดี หมายถึง ข้อเท็จจริงอื่นๆ ในคดีที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงหรือความสัมพันธ์เฉพาะตัวของผู้กระทำความผิดแต่ละคน ซึ่งเรียกว่า เหตุส่วนตัว ดังนั้น เหตุแห่งข้อเท็จจริงใดๆ ให้ถือว่าเป็นเหตุในลักษณะคดี เช่น การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด หรือฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือพยานหลักฐานไม่พอฟังลงโทษได้
53. บุคคลใดเป็นเจ้าพนักงานตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา
ก. ราษฎรที่ถูกเกณฑ์เข้ามาช่วยราชการ ข.ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการประกวดเทพี
ค. ลูกจ้างภารโรงประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ง. “เจ้าพนักงาน” หมายถึงบุคคลดังต่อไปนี้
1) ข้าราชการที่ได้รับแต่งตั้งตามกฎหมายโดยได้รับเงินเดือนจากงบประมาณแผ่นดินประเภทเงินเดือน
2) บุคคลที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยตรงให้เป็นเจ้าพนักงาน
54. ข้อใดต่อไปนี้ ไม่มี ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานรับสินบน
ก. เจ้าอาวาสวัดเรียกเงินในการให้เช่าที่ดินของวัด
ข. ร.ต.อ.
ค. เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดโดยชอบ แต่ยอมรับเงิน 300 บาท เพื่อเป็นค่าอำนวยความสะดวก
ง. ผู้ใหญ่บ้านไปจับกุมผู้กระทำความผิดนอกเขตหมู่บ้าน แล้วปล่อยตัวไปเพราะผู้จับกุมให้สินบน
ตอบ ง. มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 40,000 บาท หรือประหารชีวิต
ความผิดตามมาตรานี้ คำว่า “เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง” หมายความถึง การกระทำนั้นไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ แล้วการกระทำนั้นย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้ ดังนี้การที่ผู้ใหญ่บ้านจับกุมผู้กระทำผิดนอกเขตหมู่บ้านของตน แม้จะปล่อยตัวผู้ถูกจับไปเพราะผู้ถูกจับให้เงินสินบนนั้น การกระทำของผู้ใหญ่บ้านย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา 149 เพราะผู้ใหญ่บ้านไม่มีอำนาจจับกุม
55. ความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยขาดต่อใบอนุญาตนั้น มีอายุความตามข้อใด
ก. 1 ปี ข. 5 ปี
ค. 10 ปี ง. ไม่มีอายุความ
ตอบ ง. ความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยขาดต่อใบอนุญาตนั้นไม่มีอายุความ ถือว่าเป็นความผิดไปเรื่อยๆ
56. โทษอาญาข้อใดที่สูงกว่าข้ออื่น
ก. ปรับ ข. ริบทรัพย์สิน
ค. กักขัง ง. อายัดทรัพย์
ตอบ ค. โทษทางอาญาเรียงลำดับจากโทษหนักถึงโทษเบามี 5 สถาน ดังนี้
1) ประหารชีวิต 2) จำคุก 3) กักขัง 4) ปรับ 5) ริบทรัพย์สิน
57. พฤติการณ์ตามข้อใด ที่ถือว่าผู้นั้นดำรงชีพอยู่จากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณี
ก. อยู่ร่วมกับผู้ซึ่งค้าประเวณี
ข. รับเงินหรือประโยชน์อย่างอื่น โดยผู้ซึ่งค้าประเวณีจัดให้
ค. เข้าแทรกแซงเพื่อช่วยผู้ซึ่งค้าประเวณีในการทะเลาะวิวาทกับผู้ที่คบค้ากับผู้ซึ่งค้าประเวณีนั้น
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ผู้ใดไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ หรือไม่มีปัจจัยอันพอเพียงสำหรับดำรงชีพและมีพฤติการณ์อย่างใดดังนี้ให้ถือว่าผู้นั้นดำรงชีพอยู่จากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณี เว้นแต่จะพิสูจน์ให้เป็นที่พอใจได้ว่ามิได้เป็นเช่นนั้น
1) อยู่ร่วมกับผู้ค้าประเวณี หรือสมาคมกับผู้ซึ่งค้าประเวณีคนเดียวหรือหลายคนเป็นอาจิณ
2) กินอยู่หลับนอน หรือรับเงิน หรือประโยชน์อย่างอื่น โดยผู้ซึ่งค้าประเวณีเป็นผู้จัดให้
3) เข้าแทรกแซงเพื่อช่วยผู้ซึ่งค้าประเวณีในการทะเลาะวิวาทกับผู้ที่คบค้ากับผู้ซึ่งค้าประเวณีนั้น
58. หน่วยงานใด มิได้ สังกัดกระทรวงยุติธรรม
ก. กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ข. กรมบังคับคดี
ค. กรมคุมประพฤติ ง. ศาลยุติธรรม
คำตอบ ง. (พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545) ปัจจุบันหน่วยงานที่สังกัดกระทรวงยุติธรรม ได้แก่
1) สำนักงานรัฐมนตรี 2) สำนักงานปลัดกระทรวง
3) กรมคุมประพฤติ 4) กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
5) กรมบังคับคดี 6) กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
7) กรมราชทัณฑ์ 8) กรมสอบสวนคดีพิเศษ
9) สำนักงานกิจการยุติธรรม 10) สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
11) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
(ศาลยุติธรรมเป็นหน่วยราชการอิสระตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2540 ไม่ได้สังกัดกระทรวง ทบวง กรม ใด)
59. การส่งผู้ร้ายข้ามแดน เป็นเรื่องของ
ก. กฎหมายอาญาระหว่างประเทศ ข. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา
ค. กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ง. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง
ตอบ ข. กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา เป็นข้อบังคับที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐในทางอาญา เกี่ยวกับเขตอำนาจศาล การรับรู้คำพิพากษาทางอาญาของประเทศอื่น ตลอดจนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
60. กฎหมายใดใช้บังคับมานานแล้วเกิน 100 ปี ถือว่า
ก. กฎหมายนั้นถูกยกเลิกไปโดยปริยาย ข. กฎหมายนั้นไม่มีผลบังคับใช้
ค. กฎหมายนั้นยังไม่ถูกยกเลิก ง.กฎหมายนั้นถูกยกเลิกโดยตรงเพราะล้าสมัยแล้ว
คำตอบ ค. กฎหมายใดๆ ก็ตาม ถึงแม้ไม่ได้ใช้บังคับเป็นเวลานานก็ยังมีผลอยู่เสมอ เว้นเสียแต่ประชาชนเห็นว่ากฎหมายนั้นไม่ใช่กฎหมายอีกต่อไป และรัฐก็ยอมรับบังคับบัญชาให้เป็นไปตามความเห็นของประชาชน
61. เสด็จในฯ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระบิดาแห่งกฎหมายไทย) นำเอาหลักกฎหมายของประเทศใดมาใช้สอนในโรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม
ก. สหรัฐอเมริกา ข. อังกฤษ
ค. เยอรมัน ง. ฝรั่งเศส
ตอบ ข. เสด็จในกรม กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ได้ทรงไปศึกษาวิชากฎหมายจากประเทศอังกฤษ และได้ทรงนำเอาหลักกฎหมายของอังกฤษมาใช้สอนด้วยพระองค์เองที่โรงเรียนกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม ซึ่ง พระองค์ได้ทรงก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก
62. ข้อใดเป็นลักษณะของกฎหมายประเพณี
ก. มีการประพฤติสม่ำเสมอเป็นเวลานมนาน ข. มีความรู้สำนึกว่าต้องปฏิบัติ
ค. ถ้าไม่ปฏิบัติจะรู้สึกว่าผิด ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. กฎหมายประเพณีหรือกฎหมายชาวบ้านนั้นจะมีองค์ประกอบที่สำคัญ 2 ประการ คือ
1) จะต้องมีการประพฤติปฏิบัติสม่ำเสมอเป็นเวลานานๆ
2) มีความรู้สึกว่าเป็นกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติจะรู้สึกผิด
63. สุภาษิตกฎหมายข้อใดที่นำมาใช้ได้ กรณีที่ไม่มีกฎหมายลายลักษณ์อักษรมาปรับใช้
ก. ความยินยอมไม่ทำให้เป็นละเมิด ข. กรรมเป็นเครื่องชี้การกระทำ
ค. ไม่มีเจตนาก็ต้องรับผิด ง. ความไม่รู้กฎหมายแก้ตัวได้
ตอบ ข. สุภาษิตกฎหมายที่นำมาใช้ได้ในกรณีที่ไม่มีกฎหมายลายลักษณ์อักษรมาปรับใช้มีได้หลายหลัก เช่น ความไม่รู้ข้อเท็จจริงแก้ตัวได้ ความไม่รู้ข้อกฎหมายแก้ตัวไม่ได้ หรือกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เป็นต้น
64. กฎหมายที่บัญญัติความผิดและโทษ ได้แก่
ก. ประมวลกฎหมายอาญา ข. พระราชบัญญัติการพนัน
ค. พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. กฎหมายอาญา (ประมวลกฎหมายอาญาและพระราชบัญญัติต่างๆ ซึ่งกำหนดโทษทางอาญา) คือกฎหมายที่บัญญัติว่าการกระทำหรือการงดเว้นการทำการอย่างใดเป็นความผิดและกำหนดโทษทางอาญาสำหรับความผิดนั้นๆ ไว้
65. ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกขั้นสูงไม่เกิน
ก. 2 ปี ข. 3 ปี
ค. 4 ปี ง. 5 ปี
ตอบ ข. ศาลแขวงหรือผู้พิพากษานายเดียวมีอำนาจพิพากษาคดีแพ่ง ที่มีราทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 300,000 บาท และคดีอาญาที่มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนด ไว้ให้ลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
66. ถ้าปรากฏว่าผู้กระทำผิด ขณะกระทำไม่มีความรู้สึกผิดชอบเพราะเป็นผู้มีจิตฟั่นเฟือน โรคจิต หรือจิตบกพร่อง ประมวลกฎหมายอาญาจะ
ก. ยกเว้นโทษให้
ข. ยกเว้นความผิด
ค. ลดโทษได้ไม่เกินกึ่งหนึ่งของอัตราโทษที่กำหนด
ง. ลดโทษน้อยกว่าอัตราโทษที่กำหนดไว้เพียงใดก็ได้
ตอบ ก. การกระทำความผิดใด ถ้าในขณะกระทำบุคคลผู้กระทำไม่สามารถรู้สึกผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน กฎหมายอาญาจะยกเว้นโทษให้สำหรับความผิดนั้น (มาตรา 65)
67. ข้อใดเป็นการพยายามกระทำความผิด ซึ่งไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้
ก. ดำยิงแดง ถูกแดงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ข. ดำยิงแดงปรากฏว่าลูกกระสุนปืนด้าน
ค. ดำยิงแดง แดงหลบกระสุนปืนได้ ง. ดำยิงแดง ปรากว่าลืมใส่ลูกกระสุน
ตอบ ง. การพยายามกระทำความผิดซึ่งไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เป็นการกระทำความผิดที่ได้กระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำนั้นไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่นอน ซึ่งอาจจะเป็นเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำ เช่น ใช้ปืนไม่มีลูกยิงโดยเจตนาฆ่า หรือเหตุแห่งวัตถุที่มุ่งหมายกระทำต่อก็ได้
68. แดงจ้างเขียวให้ไปฆ่าขาว เขียวยังไม่ทันไปฆ่าขาว ปรากฏว่าขาวหัวใจวายถึงแก่ความตายไปก่อน ดังนี้แดง
ก. เป็นตัวการ ข. เป็นผู้สนับสนุน
ค. เป็นผู้ใช้ ง. ไม่มีความผิดใด
ตอบ ค. ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด ไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริมหรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นมีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ และต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ แต่ถ้าความผิดมิได้กระทำลง เพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ผู้ใช้ต้องรับโทษ 1 ใน 3 ของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
69. นางน้องเลี้ยงสุนัขตัวโตไม่ดูแลให้ดี สุนัขออกจากประตูรั้วบ้านออกไปกัด ด.ช.ดำ ถึงแก่ความตาย ดังนี้
นางน้องต้องรับผิดฐาน
ก. ไม่มีความผิดเพราะไม่ได้ยุให้สุนัขกัด ด.ช.ดำ
ข. ฆ่า ด.ช.ดำ โดยเจตนา
ค. ฆ่า ด.ช.ดำ โดยไม่เจตนา
ง. กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ตอบ ง. กระทำโดยประมาท คือ การกระทำความผิดซึ่งผู้กระทำมิได้มีเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนี้จักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่
70. ขั้นตอนแรกของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเริ่มที่บุคคลใด
ก. ทนายความ ข. ตำรวจ
ค. ผู้พิพากษา ง. เจ้าพนักงานบังคับคดี
ตอบ ข. กระบวนการยุติธรรมทางอาญามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบเรียงลำดับตามขั้นตอนดังนี้คือ 1) พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ 2) พนักงานอัยการ 3) ศาล
4) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์